ไม่ติดตั้งสายดิน เป็นอันตรายถึงชีวิต !!! ⚡

ไม่ติดตั้งสายดิน

หากมีเครื่องตัดไฟรั่วแล้ว
เราจำเป็นต้องติดตั้งสายดินอีกหรือไม่???
บทความนี้มีคำตอบ…………………………..

.
สายดินเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรก
ที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องมีสำหรับ
ป้องกันไฟฟ้าดูดเพื่อให้กระแสไฟฟ้า
รั่วไหลลงสายดินสะดวก
โดยไม่ผ่านร่างกาย (ไฟไม่ดูด) 
และทำให้เครื่องตัดไฟอัตโนมัติ
ตัดไฟออกได้ทันที

.
เครื่องตัดไฟรั่ว เมื่อใช้กับระบบไฟ
ที่มีสายดินจะเป็นมาตรการเสริม
ความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง
เพื่อให้มีการตัดไฟรั่วก่อน
ที่จะเป็นอันตราย
กับระบบไฟฟ้า (ไฟไหม้) 
หรือกับมนุษย์ (ไฟดูด)

.
เครื่องตัดไฟรั่วในระบบไฟ
ทีไม่มีสายดิน เครื่องตัดไฟรั่ว
จะทำงานก็ต่อเมื่อมีไฟรั่ว
ไหลผ่านร่างกายแล้ว 
(ต้องถูกไฟดูดก่อน)

.
ดังนั้นความ ปลอดภัยจึงขึ้นอยู่
กับความไวในการตัดกระแสไฟฟ้า

.
โดยเครื่องตัดกระแสไฟฟ้ารั่ว
ที่ดีต้องมีความไวเพียงพอ
และสามารถตัดไฟฟ้าได้
ภายในไม่เกิน 0.04 วินาที

.
ขณะเดียวกันจะต้องไม่ไวมากเกินไป
ด้วยเนื่องจากหากทำงานผิดพลาด
ผู้ใช้ไฟฟ้าจะไม่ได้รับประโยชน์ 
จากเครื่องดังกล่าว

.
ระบบไฟฟ้าที่ดีจึงควรมีทั้ง
ระบบสายดินและเครื่องตัดไฟรั่ว 
เพื่อเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน
ให้เกิดความปลอดภัยทั้งจาก
อัคคีภัยและการถูกไฟฟ้าดูดนั้นเอง

 

ไฟดูด

ในกรณีทีมี สายดิน และ เครื่องตัดไฟรั่ว จะมีทั้งหมด 4 เคสด้วยกัน 

.
.
1. มีสายดิน และ มีเครื่องตัดไฟรั่ว (ตามภาพ)
.
เคส นี้ คนใช้งานจะปลอดภัยที่สุด
เพราะไฟที่รั่วจะไหลลงดินก่อน
แล้วเครื่อจะตัดไฟทันทีทำให้
ไฟไม่ผ่านคนหรือผ่านน้อยมากเพราะมีสายดิน 
.
.
2. มีสายดิน แต่ไม่มีเครื่องตัดไฟรั่ว
.
เคสนี้ คนจะปลอดภัยเพราะ
ไฟที่รั่วจะไม่ผ่านหรือผ่านคนน้อยมาก
แต่จะเกิดอันตรายกับระบบไฟฟ้า
เพราะไฟที่ไหลลงดินจะทำให้สายไฟร้อน
อาจเกิดไฟไหม้ได้ถ้าไฟรั่ว
และจะเสียเงินค่าไฟแพงตามปริมาณที่รั่ว
.
.
3. ไม่มีสายดิน แต่มีเครื่องตัดไฟรั่ว
.
เคสนี้คนอาจได้รับอันตราย เพราะ
ไฟจะไหลผ่านตัวคนก่อนชั่วครู่
เครื่องตัดไฟรั่วจึงจะทำงาน
ซึ่งถ้าปริมาณที่ไหลผ่านชั่วครู่มีมาก
คนอาจอันตรายถึงชีวิตได้
.
.
4. ไม่มีสายดินและไม่มีเครื่องตัดไฟรั่วด้วย
.
เคสนี้อันตรายที่สุดไม่มี safety อะไรสักอย่าง
คนที่โดนไฟดูดจะโดนเต็มๆ
มีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างสูงมากถ้าไม่มีคนคอยช่วย